Wednesday, February 08, 2006

ภาษา ดอกไม้

สิบสองปีก่อน

ผมอยู่มัธยมปลาย ต้องตื่นเช้ามาช่วยพี่สาวในงานรับปริญญาที่ช่างวุ่นวายเสียจริง ๆ
ซึ่งคงไม่ต่างจากวันนี้ หรือวันนี้อาจน้อยกว่าอีก
พี่สาวผมต้องตื่นตี ๕ มาทำผม
รับดอกไม้ที่สั่งไว้ตอน ๖ โมง
ก่อน ๖ โมงครึ่ง ต้องถึงมหาวิทยาลัย ถึงจะมีหวังได้ที่จอดรถ
และแน่นอน ในฐานะน้องชายที่แสนดี และช่างภาพจำเป็น การงัวเงียออกมาตั้งแต่ตี ๕ นั้นจึงเป็นเรื่องปกติธรรมดามาก

ตี ๕ ครึ่ง ผมนอนรอในรถแถวสยาม พี่สาวผม เดินมาข้างรถ ยื่นกระดาษให้ใบหนึ่ง พร้อมบอกว่า ให้เอาใบรับนี้ไปร้านดอกไม้
แต่บอกเขา ว่าไม่เอาแล้ว เพราะไม่แน่ใจว่า ทางแม่กับพี่ชายก็สั่งมาเหมือนกัน เกรงว่าจะมีเยอะไปแล้ว
ผมอ่านในใบรับ เขียนว่า “มัดจำ ๕๐๐ บาท” ผมก็ถามพี่สาวผมว่า “อ้าว แล้วเงินมัดจำนี่เอาไง(วะ)”
พี่สาวผมเดินออกไปเพื่อทำผมให้เสร็จ ตะโกนบอก “ถ้าเขาทำแล้ว วันนี้เขาคงขายได้แหล่ะ ลองขอเงินเขาคืนดิ”

ร้านดอกไม้ เปิดแล้ว มีดอกไม้หลายช่อตั้งอยู่ที่พื้น ผมคิดในใจ “...นี่คงเป็นวันทำเงินวันหนึ่งในรอบปีเลยนะเนี่ย...”
ผมยื่นใบรับให้คนขาย เขาถาม “อ้าว นัดไว้ให้มารับ ๖ โมงนี่นา”
ผมก็บอกตรง ๆ “ไม่เอาแล้วครับ”
“ทำไมหล่ะ?” เขาถามกลับ
“มีเยอะแล้ว” ผมตอบขณะที่ตามองช่อดอกไม้ที่กองอยู่บนพื้น
“งั้นยึดเงินมัดจำนะ” เขาถาม
“ครับ” ผมตอบ เพราะเห็นว่า แฟร์ดี สั่งเขาทำแล้วไม่เอา ก็ต้องโดนยึดมัดจำ กฎง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก

ผมกลับมานอนต่อที่รถ จนพี่สาวผมกลับมาด้วยทรงผมหัวกระบัง เป็นกระบังที่สูงที่สุดตั้งแต่มันเคยทำ (ซึ่งเป็นทรงยอดฮิตมากในยุคนั้น ถ้าผู้อ่านนึกไม่ออก ให้ดูที่เมียนายกวันนี้ อย่างไรอย่างนั้นเลย)

“ได้เงินมัดจำคืนไหม” มันถามพร้อมก้มหัวเข้ามานั่งในรถ ระวังกระบังจะชนขอบประตู
“ไม่ได้ เขายึดไปแล้ว”
“อะไร(วะ)” แล้วมันก็น้อมหัวออกใสกระบังออกจากรถไป เดินไปร้านดอกไม้

อีกไม่นาน พี่สาวผมก็กลับมา เข้ามานั่งในรถด้วยท่าเดิม ในมือกุมแบงค์ห้าร้อยอยู่
“แกไปพูดอะไรกับเขา(วะ)” มันถามอย่างคาดคั้น มองหน้าใกล้ ๆ กระบังนั้นมันช่างเกินสัดส่วนจริง ๆ
“ก็ ไม่ได้พูดอะไรนี่(หว่า) ก็เขาบอกจะยึดมัดจำ ก็ถูกแล้วนี่นา”
“คนขาย เขาถามตะกี้ น้องชายเหรอ ดอกไม้หน่ะ ยังไม่เสร็จหรอกนะ แต่น้องชายหน่ะ พูดไม่ดีเลย”
แล้วพี่สาวผม ก็ติดเครื่อง ถอยรถออก แล้วบอกว่า “บางสถานการณ์หน่ะ การพูดเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ทำให้เราได้อะไรหลาย ๆ อย่างมา”

การพูด “อ๋อ พอดีคุณพ่อ คุณแม่ สั่งไว้ชนกันหน่ะพี่ ขอโทษจริง ๆ พี่ทำหรือยัง ถ้ายังไม่ทำ ขอเงินมัดจำคืนได้ไหม?.”
ยาวกว่า “มีเยอะแล้ว” สิบเอ็ดเท่า มีผลเท่ากับเงิน ห้าร้อยบาท

ผมจำบทเรียนวันนั้นจนถึงวันนี้ สิบสองปีที่ผ่านมา
หลายโอกาส ที่ผมพูดยาวอีกสักหน่อย
ผมได้อะไรหลาย ๆ อย่างมากกว่าเงินห้าร้อยบาทจริง ๆ

1 comment:

LekParinya said...

ฮ่า ๆ รู้สึกผมเขียนมานี่จะมีอ่านกันไม่กี่คนจริง ๆ นะครับเนี่ย
ไม่เป็นไร แม้ไม่มีใครอ่าน ก็จะเขียนดู

ผมชอบบล๊อก ก็ตรงได้เขียนนี่แหล่ะครับ
มันได้เรียบเรียงความคิดดี
ตอนแรกนึกว่าไม่มีอะไรเขียน
ไป ๆ มา ๆ นึกเรื่องออกสิบกว่าเรื่องแล้ว
แต่เก็บไว้ดีกว่า เดี๋ยวหลัง ๆ จะหมดแรงซะ

บล๊อกนี่เหมือนแก้วน้ำนะครับ เขียน ๆ ไป
น้ำก็จะหมดเอาดื้อ ๆ เลยต้องตระเวณไปหาน้ำมาใส่จากแก้วคนอื่น
ได้รสอร่อยไปอีกแบบนะครับ
ว่าไหมครับ