Saturday, July 22, 2006

"ผู้มากบารมี" ของผม

ในชีวิตคนเรานั้น
เราอาจมีคนที่เราคิดว่าเป็น "ผู้มากบารมี” สำหรับเรา

ผมมีอยู่ประมาณ หก ถึง เจ็ด คน
นอกจาก พ่อ แม่ พี่ และญาติสนิทบางคนแล้ว
ผมมีบุคคลที่เรียกได้ว่าเป็น “อาจารย์”
ที่เป็นผู้ชี้แนะทางชีวิต และในระดับจิตวิญญาณผมได้
อยู่อีกสองสามคน

เป็นบุคคลที่อยู่ๆ เดินเข้ามา แล้วบอกให้ผมเอาหัวไปจิ้มขี้
ผมจะวิ่งไปทันทีเอาหัวไปจิ้มขี้ทันที
เพราะผมเชื่อว่า การที่เขาบอกให้ผมเอาหัวไปจิ้มขี้
คงเป็นผลดีกับผม อะไรซักอย่าง
อาจเป็นเพราะหัวผมมีเหา หรือ รังแครื้อรัง และกองขี้จะรักษาได้

ผมไม่ทราบว่าคุณมีคนแบบนี้ในชีวิตบ้างหรือไม่?

หากใครจะเถียงเรื่องหลัก กาลมสูตร
ผมก็ยอมแพ้ จนกระดาน

เพราะนี่เป็นความศรัทธาผมเอง
ผมเห็น การดำรงชีวิต การทำงาน ของพวกเขามานานพอสมควร
และพอพิสูจน์ได้ในระดับหนึ่งว่าสามารถยกเขาในกลุ่มบุคคล “ผู้มากบารมี” ของผมได้


จริงๆ แล้วผมไม่อยากเขียนเรื่อง “ผู้มากบารมี” เลย
ตอนแรก ผมเห็นด้วยกับเกือบทุกท่านที่แสดงความเห็นในข้อความข้างล่าง เรื่อง “โยนหินถามทาง”
ไม่ว่าจะเป็นประเด็นเรื่องที่นายสนธิจับประเด็นผิว
และพยายามตีขลุม เอาสถาบันมาเป็นเครื่องมือ

ผมเห็นด้วยกับการนำประเด็นจริงๆ มาสู้กัน เช่นเรื่องนโยบายที่ผิดพลาด การทุจริตในวงกว้าง ผลประโยชน์ทับซ้อน ความไร้จริยธรรม การปิดหูปิดตาประชาชน หรือที่เรียกภาพรวมๆ ว่า “ระบอบทักษิณ”
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมก็ไม่ทิ้งในความสงสัยว่า ทักษิณพูดถึง “ใคร” และ “ทำไม”

สิ่งที่ผมทำได้คือ “ตรวจสอบ” จากแหล่งข่าวส่วนตัวเท่าที่ผมมี

ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารมีพลังในการสร้างกระแส
พัดไป พัดมา จนทำให้เรายืนอยู่ลำบากนั้น
การมีแหล่งข่าวที่เหมาะสม และตรงประเด็น จึงมีความสำคัญมาก

บังเอิน แหล่งข่าวของผม มีรากลึกพอสมควร
ทั้งรับใช้ และใกล้ชิด
และเป็นหนึ่งในหลายคนที่ไม่ชอบนายสนธิ
แต่ข่าวที่ได้กลับมา เป็นสิ่งที่ผมสามารถเดินได้เต็มตัว
ในการเขียนบทความข้างล่าง ในเวลาสิบห้านาที

หากนำมาเล่าให้ฟัง ก็กลายเป็นนิทานอีกเรื่องหนึ่งสำหรับคนอ่านเท่านั้น

ลองตรวจสอบแหล่งข่าวของคุณดูนะครับ
อาจมีใครโดนพลักให้มายืนตรงจุดที่ผมยืนบ้าง

1 comment:

crazycloud said...

ลองกลับไปอ่าน โยนหินอีกสองที น่าคิด น่าคิด