Friday, July 07, 2006

โยนหินถามทาง?

ใครติดตามข่าวเรื่อง “คนมากบารมี” บ้าง ขอความคิดหน่อย
(ถ้าไม่ติดตาม ขอให้ข้ามไปเลยไม่ต้องเสียเวลาอ่านต่อ)

คุณมองเรื่องนี้ว่าอย่างไร?

การที่ทักษิณพูดถึง “ผู้มากบารมี” ที่อยากเป็น “นายกมาตรา 7” อย่างมีสคริป และเตรียมการ
มีการเน้นหลายครั้งหลายหน ไม่ใช่ปากผล่อย เหมือนที่แล้วๆ มา

ผมมองว่า นี่คือการท้าทาย “พระราชอำนาจ” อย่างแยบคาย
ต่อจากนั้น ต้องถอยกรูด ต่อกระแสคำถาม ว่า “ใคร?”
คนรอบข้างต้องออกมาชี้โบ๊ชี้เบ๊
เป็นหลวงตาบัวบ้าง
เป็นสนธิบ้าง
เป็นพันธมิตรบ้าง
เป็นประชาธิปปัตย์บ้าง
ที่หากไม่กินหญ้า หรือแกลบเป็นอาหาร คงไม่เชื่อแน่ๆ

ส่วนเจ้าตัวคนพูด กลับเงียบ เบี่ยงประเด็นไป
การดึงเรื่อง หรือเบี่ยงประเด็นว่าจะไปดูบอลโลกของทักษิณ จะทำให้พ้นสามวันอันตราย และเมื่อครบสามวันผ่านไป คนไทยจะลืมนั้น กำลังจะสำเร็จ

ผลคือ เราชนะในสมรภูมินี้ ทำเอาทักษิณถอยกรูด ปิดทางตีตลบด้วยกลยุทธ พ่นน้ำลายมากมายคำเพ้อเจ้อ
แต่ใครจะสังเกต และตระหนักว่า “เรากำลังเพลี่ยงพล้ำ จะกำลังแพ้ในสงคราม”

คนที่ติดตามข่าวนี้ ก็รู้ว่า “คนมากบารมี” คือ องคมนตรี สักคน
แม้ฝ่ายต่อต้านหลายคนจะดึงไปถึงระดับ ราชวงค์ เพื่อให้ได้กระแส และผู้คน
หากมีสติคิดสักหน่อย ก็เห็นว่าไม่ใช่แน่ๆ

แต่คิดต่ออีกชั้นหนึ่งดู ว่า องคมนตรีคือใคร?
ผู้แทนพระองค์ ใช่หรือไม่?
คือกลุ่มคนที่ในหลวง ทรงเลือกมาทำงานใช่หรือไม่?

พระราชอำนาจได้ถูกท้าทายอย่างแยบยลแล้ว
และ “เรากำลังเพลี่ยงพล้ำ จะกำลังแพ้ในสงคราม”

ความพ่ายแพ้นี้คืออะไร?
สังเกตไหมว่า ทหาร ตำรวจ ที่เคยปกป้อง ราชบัลลังค์ และราชอาณาจักร มากว่า 700 ปี
วันนี้ มีแต่ความเงียบ และนิ่งเฉย
ประชาชน บุ้ยใบ้

ระบอบทักษิณได้โยนหินถามทางแล้ว
และทางนี้ ท่าทางจะไปได้เสียด้วยสิ

เหลือสิ่งที่ทักษิณควบคุมไม่ได้ในประเทศไทยนี้คือ
อำนาจศาล (บางศาล) และ พระราชอำนาจ เท่านั้น

การที่ศาลฏีกา และศาลปกครอง น้อมรับพระบรมราโชวาท ให้แก้วิกฤตชาติ
คือการใช้พระราชอำนาจทางหนึ่ง

การที่ในหลวงไม่ทรงลงพระปรมาภิไธย
ในพรฏ.เลือกตั้ง และคำสั่งแต่ตั้งโยกย้ายข้าราชการ
คือด่านสุดท้ายที่ท่านทรงใช้ พระราชอำนาจ ยับยั้งอะไรได้บางอย่าง

ผมไม่ได้สนับสนุนให้ต้องเลือกข้างไหน
ผมไม่เห็นด้วยกับนายสนธิไปทุกอย่าง

แต่ผมอยากให้เรามีสติ และทบทวนความเชื่อของเราอีกครั้ง
ถามอีกที ว่าเราเชื่อในอะไร?
เรารัก และอยากรักษาสถาบันหรือไม่?

ถามว่า ตอนนี้ เราปล่อยให้ ในหลวง สู้กับระบอบทักษิณ อย่างเดียวดายหรือไม่ครับ?

10 comments:

Unknown said...

ผมว่าตอนนี้ผมกลัวว่ะ
เรื่องการเมืองมันกำลังจะกลับมา
หลังจากจบบอลโลก
ผมไม่รู้จะเสพข่าวไหน
เพราะไม่รู้แล้วว่าอันไหนเชื่อได้ อันไหนมีเบื้องหลัง
ไม่รู้แล้วว่าอะไรจริงอันไหนไม่จริง
ทักษินแม่งก็
สนธิแม่งก็
อยากให้เมืองไทยมีกลุ่มคนที่ไว้ใจได้
ออกมาพูดให้มันตรงๆสักที ว่าตกลงตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

Anonymous said...

ผมว่าคิดอะไรก็คิดไป ทำอะไรก็ทำไป แต่อย่าเอาทักษินมาวางไว้ในระนาบเดียวกับพระองค์ท่านเลยครับ

อย่าไปหลงกลตามสื่อ หรือตามรัฐบาลเลย

แค่ชาวบ้านคิดว่าเขากล้าลองกำลังได้ ก็เท่ากับว่าเขาชนะแล้วล่ะครับ

การรุกคืบของนายกครั้งนี้ มันล่อแหลมและละเอียดอ่อนกว่าจะไปออกความเห็นอะไร(โดยเฉพาะการปลุกระดมแบบไม่มีทางออก)ทั้งนั้นน่ะครับผมว่า ถ้าเขาไม่พูดตรงๆว่าใคร ก็อย่าไปคิดแทนเขาเลยครับ เพราะไม่งั้นจะหลงเกมไปเป็นเบี้ยให้เขาโดยไม่รู้ตัวเปล่าๆ

Unknown said...

จบผู้มีบารมี
ก็มาเรื่องจดหมาย
ทั้งสองงานนี้ก็คงจะจบแบบเดียวกัน
คือ สรุปอะไรไม่ได้สักอย่าง
รู้สึกเก็บกด เหมือนกำลังจะโง่ตายไปด้วยตัวเอง
ไม่สามารถรู้อะไรได้จนจบ
อยู่ๆมันก็จางหายไปเฉยๆ
เหมือนไม่เคยมีใครพูดอะไร เขียนอะไร

Gelgloog said...

ไม่รู้ดิ

ผมเองเอียนกับข่าวการเมืองนานมากแล้วจนไม่อยากจะไปสนใจแม่ง (แต่จริงๆเมื่อก่อนก็สนใจน้อยอยู่แล้ว 55)

การเคลื่อนไหวทางการเมือง ณ ตอนนี้มันก่อให้เกิดตรรกะอย่างหนึ่งขึ้นมาว่า "มึงต้องมีข้างนะ" ข้างสนธิก็ดี ข้างทักษิณก็ดี หรือข้างไม่ฝักไฝ่ฝ่ายใดก็มี (เห็นแมะ ไม่เลือกข้างอยู่ยังก็ต้องมีข้างเลย)

เท่านั้นยังไม่พอ แต่ละฝ่ายต่างครอบครองวาทกรรมหมัดเด็ด อีกฝ่ายหนึ่งบอกว่าถ้าไม่อยู่ข้างกู แสดงว่ามึงไม่รักในหลวง อีกฝ่ายก็บอกว่าต้องอยู่ข้างกูซิ สังคมประชาธิปไตยต้องมีขื่อมีแป ไม่ใช่เอะอะมาเย้วๆกัน ส่วนอีกฝ่ายก็บอกว่าหยุดทะเลาะเถอะรักในหลวงกันมั๊ย เอากันเข้าไป

ไม่ว่าจะข้างไหน ที่เจ็บตัวที่สุดคือสถาบันกษัตริย์ พูดแบบภาษาชาวบ้านก็คือ "ช้ำโคตรๆ" หันไปทางไหนก็โดนจับไปถูลู่ถูกังใช้แม่งทุกงาน

แล้วเราได้อะไรจากปรากฏการณ์ดังกล่าว

ก็คงเหมือนที่พี่เล็กบอกมาว่าสิ่งสำคัญก็คือเราต้องพยายามอย่างมากในการใช้วิจารณญาณน้อยๆ พิจารณาสิ่งต่างๆอย่างถ้วนถี่ ส่วนเรื่องการเลือกข้างนี่ผมไม่อยากจะไปพูดถึงแม่ง แต่เอาเป็นว่าขอให้ "ก้ามข้าม" เรื่องการเลือกข้างไปซะ พิจารณาเป็นเฉพาะเรื่องเฉพาะราวไป

แพล่มนอกเรื่องมาซะยาว ส่วนประเด็นเรื่อง "บารมี" อะไรเนี่ยผมเองก็ไม่ค่อยได้ตามนัก แต่ก็ค่อนข้างเห็นด้วยกับพี่เล็กนะ วิกฤตเริ่มเยื้องกรายเข้ามาแล้ว....

ป.ล.

ที่เคยคุยกับพี่แบบค้างๆคาๆ และผมยังพูดไม่จบแต่เนทดันตัดไปก่อนในประเด็นที่เกี่ยวกับเรื่อง "รักในในหลวง" ผมได้ไปสาธยายใน blog ตอนก่อนแล้วนะพี่ คิดเห็นอย่างไร msn บอกผมด้วยนะ แบบว่าเกรงใจเห็นพี่ busy ตลอด

Etat de droit said...

ผมเห็นว่า "องคมนตรี" ไม่ใช่สิ่งเดียวกันกับ "สถาบันกษัตริย์"

ความคุ้มกันและเอกสิทธิ์ขององคมนตรีไม่มีเหมือนกษัตริย์

มิพักต้องกล่าวถึงความจำเป็นที่ต้องมี "องคมนตรี" ในระบอบประชาธิปไตยหรือไม่ อันนี้ยังเถียงกันได้อีกยาว

กรอบขององคมนตรีมีอยู่ รธนกำหนดว่ามีหน้าที่ทำอะไรได้มั่ง เอาเข้าจริง เราไม่เคยเข้าไปตรวจสอบเลยด้วยซ้ำว่า องคมนตรีทำหน้าที่ถวาย "คำปรึกษา" แก่กษัตริย์แค่นั้นหรือไม่ (รธน ให้มีหน้าที่แค่นี้เท่านั้น)

จะตีความให้ไกลสุดหล้าฟ้าเขียวยังไง "การถวายคำปรึกษา" ก็ไม่น่าจะเป็น "การออกไปปาฐกถาตามที่ต่างๆ" (โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ากษัตริย์ไม่ได้ให้ไปปฏิบัติหน้าที่แทน)

ท้ายที่สุด ผมคิดว่า อุดมคติผมกับคุณปริญญาคงไม่เหมือนกัน เถียงกันอย่างไรก็คงไม่ยุติ เพราะ ผมเชื่อว่าระบอบประชาธิปไตย ของประเทศที่มีประมุขเป็นกษัตริย์ กษัตริย์ก็ต้องมีอำนาจน้อย

อนึ่ง ผมไม่ได้คิดไปไกลขนาดว่าไม่ควรมีสถาบันนี้อยู่ หากผมคิดว่าถ้าควรมีก็ควรมีให้ถูกตำแหน่งแห่งที่

การต่อสู้โค่นทักษิณครั้งนี้ ผมไม่เอาด้วย เพราะ ไม่มีอนาคตเลยว่า "ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน"

ผมเขียนบทความล่าสุดเกี่ยวกับองคมนตรีไว้ในโอเพ่น

หากมีเวลา ลองอ่านดูนะครับ

David Ginola said...

ผมมองไม่ออกว่าการที่ทักษิณอ้างถึง "ผู้มีบารมี" จะเป็นการท้าทายพระราชอำนาจตรงไหนนะครับ คิดมากไปหรือเปล่า

แน่นอนว่าทักษิณไม่ควรพูดเยี่ยงนี้ แต่การพูดของเขาครั้งนี้น่าจะเป็นการแสดงออกว่าไม่กลัวอีกฝ่าย (ซึ่งผมมองว่าไม่เกี่ยวกับกษัตริย์เลยนะครับ) อาจจะอ้างถึงองคมนตรีผู้มีบารมีผู้นั้นเป็นตัวบุคคลมากกว่า (ทักษิณจึงใช้คำว่า "คนนอกรัฐธรรมนูญ") ซึ่งก็น่าจะหมายถึงเป็นเขาผู้นั้น เพราะต่อมาไม่นานองคมนตรีผู้นั้นก็ได้แสถงปาฐากถากับทหารรุ่นน้องโดยพูดเหมือนจะประกาศว่าอยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลทักษิณอย่างชัดเจน...

แต่ผมก็ไม่เชื่อว่าในหลวงทรงเลือกข้าง ผมไม่เชื่อว่ากรณีหลายๆกรณีที่ในหลวงไม่ทรงลงพระปรมาภิไธเป็นการแสดงออกซึ่งการอยู่ตรงข้ามทักษิณ ผมเห็นว่าพระองค์ทรงดูเป็นกรณีๆไป ผมไม่เห็นด้วยเลยที่จะดึงกษัตริย์ลงมาเพื่อเอาเป้นข้ออ้างในการล้มรัฐบาลทักษิณ ผมไม่เห็นด้วยอย่างแรงที่มีคนตีความไปต่างๆนานาว่าในหลวงทรงแสดงออกให้เห็นว่าไม่ชอบทักษิณ...

ในหลวงท่านจะทรงโปรดหรือไม่โปรดใคร แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วยล่ะครับ??? ในหลวงท่านไม่ได้เป็นคนเลือกนายกฯนะครับ ประชาชนต่างหากเล่า ตัวคนไทยเองต่างหากที่ต้องใช้ความคิดของตัวเองตัดสินว่าจะเลือกใคร จะสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนใคร ไม่ใช่ตัดสินใจตามในหลวง... มิใช่หรือ??? แต่ก็ไม่รู้ทำไมนะครับถึงยังมีกลุ่มคนที่เสนอให้เลือกข้าง "เราจะอยู่ข้างพระเจ้าอยู่หัวหรืออยู่ข้างรัฐบาลเถื่อน?" คุณสนธิเองก็ตัวดีเลย เฮ้อ... บ้ากันไปใหญ่แล้ว

การวิพากษ์วิจารณ์ว่าทักษิณท้าทายพระราชอำนาจก็เหมือนกัน ผมไม่เห็นว่าทักษิณมีแรงจูงใจหรือ incentive ใดๆ หรือมีประโยชน์อะไรที่จะท้าทายสถาบันกษัตริย์ ถ้าผมเป็นทักษิณ ผมมองไม่เห็นประโยชน์อะไรเลยจิงๆคับที่จะไปท้าทายพระราชอำนาจ รังจะมีแต่เสียหายเปล่าๆ ใช่ไหมครับ?

crazycloud said...

สิ่งที่ผมพบเห็นในบล็อกอันกอปรด้วยผู้ทรงภูมิโดยเฉพาะ นักกฎหมาย คือ การวิวาทะแสดงความเห็น แบบ สงครามผิว

คือ มองสงคราม ดังกล่าวในระดับ ผิว โดยพิจารณาความเชื่อมโยงของปัญหาให้ชัดเจน ว่าปัญหาใดแท้ ปัญหาใดเทียม

ด้วยเหตุนี้ สมิงขาว วิเชียร เนริกานนท์ จึงเต็มบล็อกไปหมด ปัญญาชนสนุกสนานที่จะเสนอมุมมองเชิงการเมืองแบบ ผิว คือ ดูว่าใครฝ่ายไหน ใครเล่นกลอะไร พอถูกใจก็ปรบมือ พอไม่ถูกใจก็ด่าทอ หรือใช้วิธีเนียนในการจุดประเด็นสร้างประเด็น จูงให้คิด ( ดูเทคนิกของนิติรัฐ ให้ดี คนนี้ร้ายนัก)

แต่ สงคราม เข้าเนื้อเข้าเลือด อย่าง ประเด็น การแปรรูปรัฐวิสาหกิจว่าดีหรือไม่อย่างไร การขายสัมปทานชาติกระทบกฎหมายเรื่องใดบ้าง มีผลกระทบต่อความมั่นคงอย่างไร กรณีการหายตัวไปของทนายสมชาย การฆ่าเจริญวัดอักษร กรณีการจัดการหนี้เกษตรกร กรณีงบประมาณองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรณีการจัดการลุ่มน้ำ กรณีกฎหมายเขตเศรษฐกิจเฉพาะ กรณีรุกที่เกาะสมุย กรณีในอดีตอย่างฆ่าตัดตอน ภาคใต้ น่าจะไปค้นมาวิพากษ์กันบ้าง

ประเด็นผิว เช่น มาตรา 7 ประเด็นที่วิ่งตามคำพูดของนักการเมือง น่าจะเป็นประเด็นรองลงมา แต่ดูเหมือนว่าบางคนกลับเล่นแต่เรื่อง อำนาจกษัตริย์ ผมหมายถึงคนบนๆผมนี่แหละ

ประเด็นแท้ๆ เล่นกันบ้าง ไม่ใช่เอาประเด็น ผิว มาด่าพันธมิตร โดยไม่ดูปัญหาแท้ๆ

David Ginola said...

การที่ใครคนหนึ่งวิพากษ์วิจารณ์ประเด็น "ผิว" ไม่ได้แปลว่าเขาคนนั้นจะไม่ได้สนใจประเด็น "แท้" สักหน่อยนะครับ

แต่ในเมื่อพันธมิตรนำประเด็นพระราชอำนาจ นำสถาบันกษัตริย์มาใช้ประโยชน์แบบทุเรศแบบนี้ จะไม่ให้ใครเขาด่าได้อย่างไร?

ผมสนับสนุนการทำงานของพันธมิตร หากแต่พันธมิตรจะต้องอัดทักษิณในประเด็นแท้ๆ ต้องให้หลักฐาน ให้เหตุผลแก่ประชาชน ว่าทำไมระบอบทักษิณไม่ดี และต้องให้ข้อมูลที่เป็นจริงด้วย อย่าออกนอกลู่นอกทาง ไม่ใช่สักแต่จะด่าจะไล่อย่างเดียว ไม่ใช่มัวแต่ยกเอาเหตุผลไร้สาระมาจับแพะชนแกะ ปะติดปะต่อเรื่องราวที่ไม่ได้เกี่ยวกันให้มาโยงกันได้ เอาเรื่องกษัตริย์ลงมาเพื่อใช้ด่าทักษิณ (ดูอย่างกรณีหนังสือ the king never smiles สิคับ คุณสนธิออกมาด่าได้อย่างไง บ้าแล้ว)

ทั้งทักษิณและพันธมิตรและฝ่ายค้านน่าจะหยุดโจมตีฝ่ายตรงข้ามอย่างมั่วๆได้แล้ว เพราะทำยังงี้ประเทศเสียหายครับ มันวุ่นวายไม่หยุดหย่อนและสร้างความร้าวฉานแตกแยก เสนอข้อมูลความจริงและเหตุผลมาสู้กัน แล้วให้ประชาชนตัดสินเถอะครับ ผมว่าดีที่สุดแล้ว

crazycloud said...

ปีกขวาไก่เดือย นี่รู้ใจนิติรัฐซะจริง

ผมคงไม่วิวาทะกับคุณหรอก เพราะสิ่งที่คุณพูดมันก็ไม่ผิด ในเชิงวิชาการ และผมเองก็พอรู้เรื่องพระราชอำนาจ มาตรา 7 พอสมควร ว่าเป็นอย่างไร

แต่ข้อความคิดของนิติรัฐมันไร้เดียงสาในเชิง กลยุทธ์ ซึ่งผมขี้เกียจสาธยาย เดี๋ยวจะถูก ปัญญาชน ใช้จริตผู้ดีแดกดันเอาอีก

เอาเป็นว่า ปัญหาแท้ ๆคือสิ่งที่ผมสนใจ และการจะทำให้บรรลุปัญหาแท้ๆมันต้องมีกโลบาย และที่สำคัญที่สุด บนบริบท สงคราม ที่ผมมอง ผมไม่ได้มองเรื่องนี้เป็น การเมือง แนวคิดอุดมการณ์ในหนังสือ หรือแนวคิดไม่เอาฟ้า แบบพวกคุณ (ผมรู้เบื้องหลังนะ บนโต๊ะอาหารว่าพวกคุณคุยอะไรกัน โดยเฉพาะใน Open) แต่บังเอิญผมไม่ใช่พวกขวาจัด เลยไม่ค่อยซีเรียส

และตัวปัญหาแท้ๆ ในคำจำกัดความสั้นๆ คือ เรากำลังทำสงครามกับทุนนิยมสุดขั้ว ที่มีนายทักษิณเป็นนายหน้าค้าประเทศ ดังนั้น สรรพยุทธปัจจัย ต้องเร่งระดม ดุจแม่น้ำร้อยสาย

ผมก็ไม่ได้ศรัทธา คุณสนธิ เท่าไรหรอก จะบอกให้
แต่ก็ไม่ได้ว่าคุณสนธิไม่ดีนะ

ผมเพียงอาศัย เวที ที่วีกระจิบกระจ้อยเท่าที่มี เป็นเครื่องมือ ในการป่าวประกาศความรู้ที่พอมี ในทางกฎหมาย ให้ประชาชนทราบ ก็แค่ขึ้นไปทำหน้าที่ครู
สอนกฎหมายให้ชาวบ้านฟัง

ว่าแต่คุณปีกขวาไก่เดือย ทำอะไรบ้างรึยัง

ถ้าทำอะไรบ้างแล้ว มาเล่าให้ฟังบ้างซิ

Anonymous said...

บล็อคเรื่อง"โยนหินถามทาง?" เรื่องนี้วิเคราะห์เองหรือเปล่าคับ ถ้าวิเคราะห์เองนี่ผมถือว่า คุณมองเกมส์ที่เค้าเล่นกันออกเลยคับ ตอนแรกผมไม่รู้จักบล็อคของคุณนะ แต่พอดี search google หาคำว่า เงิน และอำนาจ ก็มาเจอบล็อคคุณ ก็อ่านไปเรื่อยๆ อ่านไปอ่านมาก็รู้ว่าเจ้าของบล็อคเป็นคนที่มีความคิดเลยทีเดียว ผมอยากให้สังคมไทยมีคนที่คิดสุดโต่งเยอะๆนะ ไม่ว่าจะสุดโต่งในด้านบวก หรือด้านลบ แล้วมาถกเถียงกัน ประเทศน่าจะพัฒนามากกว่านี้แน่นอนคับ