Tuesday, March 07, 2006

เรียนไปทำไม?

เด็ก ๆ ผมเป็นเด็กขี้เกียจ
สมุดจดก็จดไม่ทัน
สมุดการบ้านก็ไม่ทำ
ต้องเว้นกันเป็นหน้า ๆ แทบทุกวิชา

ส่งการบ้านไม่ทัน ก็ไม่ส่ง
จนเคยต้องปลอมลายเซนต์อาจารย์ตอน ป.สาม

เด็ก ๆ โดนตีหน้าห้องจนก้นช้ำ แทบทุกอาทิตย์
โดนเชิญผู้ปกครองนับครั้งไม่ถ้วน

เกรดเฉลี่ย ไม่เคยเกินสองจุดห้า
จุดตกต่ำสุดน่าจะเป็นช่วงมัธยมปลาย
สอบกลางภาค ลุ้นหนักมาก
ว่าจะเกือบตก หรือเกือบผ่าน
แน่นอน มีเกรดในสมุดพก เกือบเป็นโค้ดดิจิตอล
...0.1.1.1.0.1.1...

อาศัยการอัดหนัก ทำโจทย์สิบปีรวดทุกวิชา
และฟัง "ช๊อกเรดิโอ" ที่มันเล่าเรื่องผี จนนอนไม่หลับ
เลยต้องลุกขึ้นมาอ่านหนังสืออยู่เดือนหนึ่ง
โชคดีที่เข้ามหาวิทยาลัยได้

ชีวิตเหมือนจะกลับมาเป็นผู้เป็นคนอีกครั้ง

แต่การเรียนไม่ดีเหมือนเดิม
2.09/2.13/2.23/2.45/2.37

จนปีสามเทอมสอง
ผมค้นพบว่า
“การเรียนเพราะอยากรู้”
มีความสุข สนุก และได้เกรดดีกว่า
“เรียนเพราะอยากได้เกรด”

ผมสนุกกับการเรียนหลาย ๆ วิชา
ผมเริ่มได้เกรด มากกว่า สองจุดห้า ครั้งแรกในชีวิต
และมากกว่า สาม ในเทอมถัด ๆ มา

สามปีก่อน
ผมมาเรียนต่อเมืองนอก
ผมเรียนไม่มีความสุขอีกครั้ง
เพราะมัวแต่คิดว่า
ความรู้ที่เรียนไปก็คงเอาไปใช้กับเมืองไทยไม่ได้แน่ ๆ

จนพี่ที่เคารพคนหนึ่ง แนะนำว่า
“ให้เรียนเอาแนวคิด ว่าฝรั่งมันคิดกันยังไง”

ผมกลับไปเรียนสนุก และได้เกรดดีกว่าเดิมอีก

ทุกวันนี้ มีเสียดายนิดหน่อยก็แค่อยากกลับไปเรียน
และเก็บเกี่ยวความรู้ช่วงที่หลับในห้องอีกครั้ง
โดยเฉพาะวิชา History of Art

ผมมักรู้ตัวเมื่อสาย แต่ไม่คิดเสียใจ
กลับมีความสุขเสียอีก เมื่อนึกถึงวันที่เหลวไหล

รู้จักกันไหมครับ?
ความรู้สึกของการเป็น "เด็กเรียนไม่เก่ง"

4 comments:

Gelgloog said...

แวะมาเจิมคนแรกครับ

บอกได้เต็มปากเต็มคำว่า "รู้ครับ"

แต่ของผมรู้สึกว่ามันจะดูเป็นวัฏจักรอะนะ

สมัยเด็กเล็กๆค่อนข้างเรียนดี อยู่ห้องคัดตลอด งง เหมือนกัน

แต่พอโตหน่อยเริ่มออกลาย

เทอมแรก start อย่างสวยเกินสามและลดลงต่ำอย่างเป็นลำดับ จนเหลือ สองเลี่ยๆในที่สุด

จนกระทั่งถึง ม.ปลาย มันก้อไม่ขยับขึ้นมาอีกเลย แถมมีให้ติดลุ้นอีก เกรดหนึ่งนี่รับประทานเป็นขนม โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาคณิตศาสตร์แสนรัก เทอมไหนซวยก็มีแถมศูนย์มาบ้างเหมือนกัน

อาจจะเป็นเพราะดวงปนเลยสอบเข้ามหาลัยได้เหมือนกับชาวบ้านชาวช่องเค้าหน่อย (อันนี้ต้องยกความดีให้ท่านพ่อที่ช่วยเลือกดูอะไรให้เยอะแยะ)

แต่มาตรฐานการเรียนเดิมก็คงยังมิเปลี่ยนแปลง....

เรียนโง่ๆ เบลอๆ ไปตามมีตามเกิดได้เกือบสามปี

พึ่งสำนึกตัวได้ว่า "เฮ้ย กูทำอะไรอยู่วะ??"

เลยลองพลิกๆตำราดูดิ๊ ลองเรียนดูหน่อย ว่ามันเป็นอย่างไร

เออ แฮะ ไปๆมาๆ มันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดนี่หว่า ตรงโน้นก็สนุก ตรงนี้ก็น่าค้นหา เห้ย มีอะไรแบบนี้ด้วยหรอวะ กูมัวไปงมห่าอะไรอยู่ตั้งนานเนี่ย !!

การเรียนโดยความชอบสนุกนัก เมื่อเทียบกับสมัยก่อนที่ไม่ทราบว่าจะเรียนไปเพื่อสวรรค์หาวิมานใดๆ นอกจากว่า เรียนให้ผ่านๆ จบๆ เอ็นท์ให้ติดหน่อย จะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายพ่อแม่ แต่ไอ้เรื่องเรียนด้วยฉันทะมิเคยสว่างสบเข้ามาในสมองอันโล่งเปล่า

บางครั้งสิ่งที่เราอยู่กับมันตอนแรกเราก็ไม่รู้หรอกว่าเราชอบมันจนกว่าเราจะลองสัมผัสมันเสียก่อน และการเรียนด้วยความชอบมันก็มันส์จริงๆนะ จะบอกให้

LekParinya said...

ขอบคุณ mr.gelgloog อุตส่าห์มาเจิม
ฉันทะ นี่แหล่ะครับที่อยากนำเสนอในประเด็นนี้

ขอบคุณ คุณ DaisyDao สำหรับเรื่อง ฉิมมี่

อีกอย่างที่อยากนำเสนอคือ
หากวันใด ต้องทำอะไรที่ไม่สนุก
ลองหามุมสนุก ๆ ดูสิครับ

อย่างน้อยก็คิดว่า
"สนุกดีเหมือนกันที่เราต้องมาทำเรื่องไม่สนุกอย่างนี้"

Anonymous said...

พักนี้ขยันอัพเดทนะ ..... ... กติกา กับจริยธรรม ว่าจริง ต้องควบคู่กันไป ... ไม่งั้น กติกา มันจะอยู่ไม่ได้นาน ... เพราะคนไม่ยอมรับ.....

Anonymous said...

กูก็ นะ เข้าสวนฯ แต่ก็เรียนมั่ง เกเรนิดๆ มั่ง แต่ก็แค่กลางๆ ไม่ดีเด่อะไร ไม่ได้ถนัดอะไรสุดๆ ไปสักทาง

เข้า มธ. ก็เรียนไม่ค่อยได้เรื่อง เกรดก็เน่าๆ

ได้มาเรียนต่อที่ญี่ปุ่น นี่ก็จะจบ ป เอกอยู่ละ ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยได้เรื่องอยู่ดี เอาน่า ทำได้ไม่ค่อยดี ดีกว่าทำไม่ได้เลย ทำไม่ได้เลย ก็ยังดีกว่าไม่ยอมทำอะไรเลย

พูดเรื่อง "เรียนอย่างที่เราชอบ" กูก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะความชอบของกูมันก็เปลี่ยนไปตามเวลาว่ะ กูเคยสนใจเสดสาด เคยสนใจพวกภาษาต่างประเทศ เคยสนใจประวัติศาสตร์การเมือง-สังคม และก็ลองเรียนมาหมดละ ได้เขียนอะไรๆ บ้างไปตามหลักสูตรให้จบ ก็ถือว่าได้ทำละ กูเคยสนใจมาหลายอย่าง และก็ตอนนี้ก็เบื่อหมดแล้วทุกอย่าง ฉะนั้นไอ้คำว่า "สิ่งที่เราชอบ" เนี่ย มันก็แล้วแต่จังหวะเวลาว่ะ กูมาเรียน ป เอก ก็ลงวิชาพวกเสดสาดอีกรอบ แบบว่าเรียนในสิ่งที่ไม่ได้แตะนานแล้ว ก้โอเค พอไปได้ บางทีคนอย่างกูอาจจะเป็นเป็ดก็ได้ คือเรียนได้หลายอย่างแต่ไม่เก่งสุดๆ ไปสักอย่าง พยายามแล้วก็ยังไปได้ไม่สุดอยู่ดี แต่คนอย่างกูก็อาจจะเหมาะกะแนว integrated studies ก็ได้ ซึ่งก็เป็นแนวที่กูเรียนใน ป เอกนีหละ

ตอนนี้โจทย์ต่อไปก็คือเรื่องหางานนี่หละ คนอย่างกูไม่มีอุดมการณ์หรือความชอบอะไรนักหรอกเว้นแต่ hobby บางอย่าง แต่เชื่อไหม บางทีก็เพราะ hobby นี่หละที่ทำให้กูมาถึงที่นี่ได้ เมื่อหลายปีก่อนกูก็เรียนภาษาญี่ปุ่นแค่เป็น hobby เหมือนกัน เพราะฉะนั้นอย่าดูถูกงานอดิเรกหรือสิ่งที่ดูไร้สาระเป็นอันขาดเชียวนะ อิๆ

ไม่รู้จะฝอยไรละ ไว้คืนนี้เจอกันในเอ็มนะ:)