สมุดจดก็จดไม่ทัน
สมุดการบ้านก็ไม่ทำ
ต้องเว้นกันเป็นหน้า ๆ แทบทุกวิชา
ส่งการบ้านไม่ทัน ก็ไม่ส่ง
จนเคยต้องปลอมลายเซนต์อาจารย์ตอน ป.สาม
เด็ก ๆ โดนตีหน้าห้องจนก้นช้ำ แทบทุกอาทิตย์
โดนเชิญผู้ปกครองนับครั้งไม่ถ้วน
เกรดเฉลี่ย ไม่เคยเกินสองจุดห้า
จุดตกต่ำสุดน่าจะเป็นช่วงมัธยมปลาย
สอบกลางภาค ลุ้นหนักมาก
ว่าจะเกือบตก หรือเกือบผ่าน
แน่นอน มีเกรดในสมุดพก เกือบเป็นโค้ดดิจิตอล
...0.1.1.1.0.1.1...
อาศัยการอัดหนัก ทำโจทย์สิบปีรวดทุกวิชา
และฟัง "ช๊อกเรดิโอ" ที่มันเล่าเรื่องผี จนนอนไม่หลับ
เลยต้องลุกขึ้นมาอ่านหนังสืออยู่เดือนหนึ่ง
โชคดีที่เข้ามหาวิทยาลัยได้
ชีวิตเหมือนจะกลับมาเป็นผู้เป็นคนอีกครั้ง
แต่การเรียนไม่ดีเหมือนเดิม
2.09/2.13/2.23/2.45/2.37
จนปีสามเทอมสอง
ผมค้นพบว่า
“การเรียนเพราะอยากรู้”
มีความสุข สนุก และได้เกรดดีกว่า
“เรียนเพราะอยากได้เกรด”
ผมสนุกกับการเรียนหลาย ๆ วิชา
ผมเริ่มได้เกรด มากกว่า สองจุดห้า ครั้งแรกในชีวิต
และมากกว่า สาม ในเทอมถัด ๆ มา
สามปีก่อน
ผมมาเรียนต่อเมืองนอก
ผมเรียนไม่มีความสุขอีกครั้ง
เพราะมัวแต่คิดว่า
ความรู้ที่เรียนไปก็คงเอาไปใช้กับเมืองไทยไม่ได้แน่ ๆ
จนพี่ที่เคารพคนหนึ่ง แนะนำว่า
“ให้เรียนเอาแนวคิด ว่าฝรั่งมันคิดกันยังไง”
ผมกลับไปเรียนสนุก และได้เกรดดีกว่าเดิมอีก
ทุกวันนี้ มีเสียดายนิดหน่อยก็แค่อยากกลับไปเรียน
และเก็บเกี่ยวความรู้ช่วงที่หลับในห้องอีกครั้ง
โดยเฉพาะวิชา History of Art
ผมมักรู้ตัวเมื่อสาย แต่ไม่คิดเสียใจ
กลับมีความสุขเสียอีก เมื่อนึกถึงวันที่เหลวไหล
รู้จักกันไหมครับ?
ความรู้สึกของการเป็น "เด็กเรียนไม่เก่ง"
4 comments:
แวะมาเจิมคนแรกครับ
บอกได้เต็มปากเต็มคำว่า "รู้ครับ"
แต่ของผมรู้สึกว่ามันจะดูเป็นวัฏจักรอะนะ
สมัยเด็กเล็กๆค่อนข้างเรียนดี อยู่ห้องคัดตลอด งง เหมือนกัน
แต่พอโตหน่อยเริ่มออกลาย
เทอมแรก start อย่างสวยเกินสามและลดลงต่ำอย่างเป็นลำดับ จนเหลือ สองเลี่ยๆในที่สุด
จนกระทั่งถึง ม.ปลาย มันก้อไม่ขยับขึ้นมาอีกเลย แถมมีให้ติดลุ้นอีก เกรดหนึ่งนี่รับประทานเป็นขนม โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาคณิตศาสตร์แสนรัก เทอมไหนซวยก็มีแถมศูนย์มาบ้างเหมือนกัน
อาจจะเป็นเพราะดวงปนเลยสอบเข้ามหาลัยได้เหมือนกับชาวบ้านชาวช่องเค้าหน่อย (อันนี้ต้องยกความดีให้ท่านพ่อที่ช่วยเลือกดูอะไรให้เยอะแยะ)
แต่มาตรฐานการเรียนเดิมก็คงยังมิเปลี่ยนแปลง....
เรียนโง่ๆ เบลอๆ ไปตามมีตามเกิดได้เกือบสามปี
พึ่งสำนึกตัวได้ว่า "เฮ้ย กูทำอะไรอยู่วะ??"
เลยลองพลิกๆตำราดูดิ๊ ลองเรียนดูหน่อย ว่ามันเป็นอย่างไร
เออ แฮะ ไปๆมาๆ มันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดนี่หว่า ตรงโน้นก็สนุก ตรงนี้ก็น่าค้นหา เห้ย มีอะไรแบบนี้ด้วยหรอวะ กูมัวไปงมห่าอะไรอยู่ตั้งนานเนี่ย !!
การเรียนโดยความชอบสนุกนัก เมื่อเทียบกับสมัยก่อนที่ไม่ทราบว่าจะเรียนไปเพื่อสวรรค์หาวิมานใดๆ นอกจากว่า เรียนให้ผ่านๆ จบๆ เอ็นท์ให้ติดหน่อย จะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายพ่อแม่ แต่ไอ้เรื่องเรียนด้วยฉันทะมิเคยสว่างสบเข้ามาในสมองอันโล่งเปล่า
บางครั้งสิ่งที่เราอยู่กับมันตอนแรกเราก็ไม่รู้หรอกว่าเราชอบมันจนกว่าเราจะลองสัมผัสมันเสียก่อน และการเรียนด้วยความชอบมันก็มันส์จริงๆนะ จะบอกให้
ขอบคุณ mr.gelgloog อุตส่าห์มาเจิม
ฉันทะ นี่แหล่ะครับที่อยากนำเสนอในประเด็นนี้
ขอบคุณ คุณ DaisyDao สำหรับเรื่อง ฉิมมี่
อีกอย่างที่อยากนำเสนอคือ
หากวันใด ต้องทำอะไรที่ไม่สนุก
ลองหามุมสนุก ๆ ดูสิครับ
อย่างน้อยก็คิดว่า
"สนุกดีเหมือนกันที่เราต้องมาทำเรื่องไม่สนุกอย่างนี้"
พักนี้ขยันอัพเดทนะ ..... ... กติกา กับจริยธรรม ว่าจริง ต้องควบคู่กันไป ... ไม่งั้น กติกา มันจะอยู่ไม่ได้นาน ... เพราะคนไม่ยอมรับ.....
กูก็ นะ เข้าสวนฯ แต่ก็เรียนมั่ง เกเรนิดๆ มั่ง แต่ก็แค่กลางๆ ไม่ดีเด่อะไร ไม่ได้ถนัดอะไรสุดๆ ไปสักทาง
เข้า มธ. ก็เรียนไม่ค่อยได้เรื่อง เกรดก็เน่าๆ
ได้มาเรียนต่อที่ญี่ปุ่น นี่ก็จะจบ ป เอกอยู่ละ ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยได้เรื่องอยู่ดี เอาน่า ทำได้ไม่ค่อยดี ดีกว่าทำไม่ได้เลย ทำไม่ได้เลย ก็ยังดีกว่าไม่ยอมทำอะไรเลย
พูดเรื่อง "เรียนอย่างที่เราชอบ" กูก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะความชอบของกูมันก็เปลี่ยนไปตามเวลาว่ะ กูเคยสนใจเสดสาด เคยสนใจพวกภาษาต่างประเทศ เคยสนใจประวัติศาสตร์การเมือง-สังคม และก็ลองเรียนมาหมดละ ได้เขียนอะไรๆ บ้างไปตามหลักสูตรให้จบ ก็ถือว่าได้ทำละ กูเคยสนใจมาหลายอย่าง และก็ตอนนี้ก็เบื่อหมดแล้วทุกอย่าง ฉะนั้นไอ้คำว่า "สิ่งที่เราชอบ" เนี่ย มันก็แล้วแต่จังหวะเวลาว่ะ กูมาเรียน ป เอก ก็ลงวิชาพวกเสดสาดอีกรอบ แบบว่าเรียนในสิ่งที่ไม่ได้แตะนานแล้ว ก้โอเค พอไปได้ บางทีคนอย่างกูอาจจะเป็นเป็ดก็ได้ คือเรียนได้หลายอย่างแต่ไม่เก่งสุดๆ ไปสักอย่าง พยายามแล้วก็ยังไปได้ไม่สุดอยู่ดี แต่คนอย่างกูก็อาจจะเหมาะกะแนว integrated studies ก็ได้ ซึ่งก็เป็นแนวที่กูเรียนใน ป เอกนีหละ
ตอนนี้โจทย์ต่อไปก็คือเรื่องหางานนี่หละ คนอย่างกูไม่มีอุดมการณ์หรือความชอบอะไรนักหรอกเว้นแต่ hobby บางอย่าง แต่เชื่อไหม บางทีก็เพราะ hobby นี่หละที่ทำให้กูมาถึงที่นี่ได้ เมื่อหลายปีก่อนกูก็เรียนภาษาญี่ปุ่นแค่เป็น hobby เหมือนกัน เพราะฉะนั้นอย่าดูถูกงานอดิเรกหรือสิ่งที่ดูไร้สาระเป็นอันขาดเชียวนะ อิๆ
ไม่รู้จะฝอยไรละ ไว้คืนนี้เจอกันในเอ็มนะ:)
Post a Comment