Sunday, September 14, 2008

การเมืองใหม่

หากเทียบว่า ประเทศไทยคือ ซีพียูตัวใหญ่
การฟอร์แมตเครื่อง กลับไปใช้จอเขียวอีกครั้ง เมื่อวันที่ 19 กย. 49
เพื่อแก้ไวรัส วายร้ายที่พัฒนาจากเดิมที่กินได้แค่ ซอฟท์แวร์บางตัว แต่กลับเริ่มกินหน่วยความจำหลัก ทำลายระบบไวรัสสแกนจนหมด
แถมไวรัสยังปลอมตัวเป็นไวรัสสแกน ทำให้โปรแกรม และข้อมูลดีหลายอันถูกจับเป็นไวรัสแทน

การฟอร์แมตแต่เริ่มแรกระบบภายในเหมือนจะดี ด้วยการติดตั้ง โปรแกรมสแกนไวรัสจำนวนมาก
ข้อเสียอย่างเบาๆ ของจอเขียวคือทำอะไรก็ชักช้าไปเสียหมด
แต่ข้อเสียอย่างร้ายแรงของระบบจอเขียวคือ “เข้าอินเตอร์เน็ตไม่ได้”

เลยต้องเปลี่ยนไปติดตั้งระบบปฏิบัติการ วินโดว์จอสี เหมือนเดิมเมื่อปลายปี 50
แต่โปรแกรมตัวนี้ ถูกย้อมแมวมาขาย ระบบเริ่มรวนตั้งแต่การติดตั้ง
เมื่อลงซอฟท์แวร์ไม่ได้บางตัว ฟ้องเตือนว่า error ตลอดการติดตั้ง
ระบบ ไวรัสสแกน ที่ถูกติดตั้งตั้งแต่สมัยจอเขียว ตรวจเจอไวรัสบางตัวร้ายแรงถึงขั้นนำทรัพยากรภายในเครื่องไปยกให้บริษัทข้างบ้านแบบถูกลิขสิทธิ์ และพบว่าไวรัสตัวนี้ ฆ่าไม่ตายง่ายๆ

จะฟอร์แมตเครื่องอีกหนเป็นจอเขียว ก็เกรงว่าเครื่องจะพังลงในคราวนี้
จะเข้า SAVE MODE ทำรัฐบาลแห่งชาติ จะยั่งยืนได้หรือไม่?
(และก่อนเข้าจะทำอย่างไร ถ้าไม่ต้องจอเขียว?)
หรือ จะต้องเลหลังขายเครื่องทิ้งให้บริษัทต่างชาติไปซะ!!!

หรือบางทีนั้น ไวรัสตัวนี้ มันเกิดจาก bug&error ด้วยพื้นฐานของตัวเครื่องเราเอง

มักง่าย ขี้ลืม รักสบาย
สามพื้นฐานที่ฟอร์แมตกี่ครั้งก็ไม่หาย มันเป็นธรรมชาติแบบไทยๆ มาแสนนาน
- มักง่ายในการขับรถ แทรกคอสะพาน มักง่ายแทรงคิวซื้อตัวหนัง มักง่ายเดินลัดสนาม ทิ้งขยะไม่เป็นที่
- มักง่ายในวงราชการ คือการวิ่งเต้น เลียแข้งขา เพื่อการเติบโตแบบง่ายๆ ไม่ต้องทำงานมีให้เห็นอยู่ทั่วไป
- มักง่ายดูบอลสนุกของต่างประเทศ บอลไทยอาชีพไม่พัฒนา ไม่มีใครดู บอลไทยก็ไม่มีวันไปบอลโลกตลอดกาล
- ขี้ลืม ตื่นกระแส ไม่ศึกษาประวัติศาสตร์ โดนผู้นำพูดเก่งลากไปลากมา
- รักสบาย เล่นหวยหุ้นหวังรวย
- รักสบาย อยากให้บ้านเมืองดีขึ้น แต่ไม่ทำอะไรสักอย่าง แล้วมันจะดีขึ้นได้อย่างไร
ยิ่งน่าเศร้าเมื่อ องค์การบริหารนิสิตนักศึกษา ทำเป็นแค่จัดการปิดมหาวิทยาลัยรับน้องเต้นไก่ย่าง
บอลจุฬาธรรมศาสตร์ มีจุดเด่นที่การเปิดตัวหลีดเดอร์ และนัดพบเพื่อนโรงเรียนเก่า

อันนี้ยังไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือ การหายไปของ “จิตสำนึกสาธารณะ”
ความละอายในชั่ว เกรงกลัวต่อบาป ของคนไทย สูญหายไปอย่างรวดเร็ว
คนอย่างศรีธนนชัย คนอย่างทักษิณ เกิดขึ้นทั่วทุกหัวระแหง
การตะแบงกฏหมาย เพื่อเบียดบังประโยชน์สาธารณะ
มาตรฐานมารยาทความรับผิดชอบต่อสาธารณะถูกถ่างออกจนตกต่ำ

“ตุ๊กตาการเมืองใหม่” ให้มีผู้แทนจากทุกอาชีพ เข้าไปบริหาร
ก็เชื่ออย่างสิ้นหวังว่า เหล่าศรีธนนชัยการเมืองก็จะแทรกเข้าไปในกระบวนการเลือกอยู่ดี

ผมมองว่า “การเมืองใหม่” จะเกิดขึ้นอย่างยั่งยืน ต้องทำ “สังคมใหม่” เสียก่อน
มักง่าย ขี้ลืม รักสบาย คงไม่หายไปง่ายๆ ถ้าเรายังอยู่ในภูมิศาสตร์แบบนี้
แต่ “จิตสำนึกสาธารณะ” ที่หายไป ต้องเอาคืนมาให้ได้ก่อน

ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันทำ
คุณครู อาจารย์ ต้องกู้การศึกษา ต้องรณรงค์ และกวดขันเรื่องจริยธรรม และสำนึกต่อสังคมส่วนรวม
สื่อมวลชน ต้องกลับมาทำหน้าที่อย่างถูกต้อง แบบไม่ต้องบังคับ
นักวิชาชีพ สถาปนิก วิศวกร แพทย์ เดินตามทางตรงๆ อย่างมีจรรยาบรรณ
ตำรวจต้องบังคับกฎหมายอย่างเคร่งครัด ยุติธรรม ไม่รับสินบน
นักการเมือง คงเป็นกลุ่มสุดท้ายที่จะถูกเปลี่ยน เมื่อทุกคนเปลี่ยน

ผมอาจจะฝันไป แต่อยากจะฝันดีๆ แบบนี้ เมื่อชีวิตจริงมันคือฝันร้ายที่ไม่มีวันตื่นได้นี่สิครับ