Sunday, May 25, 2008

บทเรียนจากความพิการ

เดือนก่อน ผมมีโอกาสไปดูงานที่บ้านนนทภูมิแถวปากเกร็ด

บ้านนนทภูมิ เป็นบ้านเลี้ยงเด็กพิการภายใต้การสนับสนุนของรัฐ ภายใต้สถานสงเคราะห์เด็กพิการ และทุพพลภาพปากเกร็ด ก่อตั้งตั้งแต่ปี 2513 รับฟื้นฟูเด็กพิการทางร่างกายทั้งชายและหญิง อายุ 7-14 ปี เพื่อให้เขาสามารถฟื้นฟูสมรรถภาพ เพื่อไม่เป็นภาระกับสังคม

หากเป็นยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง สมัยพรรคนาซีเรืองอำนาจ ใครคนใดเป็นผู้พิการ หรือเด็กทุพพลภาพ ต้องนำไปประหาร เนื่องจากไม่เป็นผลดีกับประเทศชาติในการเสียงบประมาณเพื่อเลี้ยงดู โดยไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น มองในแง่ตัวพวกเขาเอง พวกนาซีก็คงคิดว่า จะปล่อยให้อยู่ไปอย่างไร้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ไปทำไมกัน

ซึ่งเพียงแค่คิด หลายคนคงแย้งว่า ช่างไร้มนุษยธรรม หรือบางคนคงคิดว่า ไม่เป็นลูกหลานตัวเองก็คงไม่รู้สึก

ในห้องเด็กพิการซ้ำซ้อน น้องบางคนมีความสามารถของพืช ไม่สามารถขยับได้ มีการตอบสนองเพียงเล็กน้อย ผมเคยอ่านเรื่องเล่าเกี่ยวกับนรกภูมิ ว่ามีบางขุม หากใครไปเกิดในขุมนั้น จะเป็นเพียงสัตว์ที่มีลักษณะพิเศษ เช่นไม่มีหนังหุ้ม ทำให้ต้องปวดแสบปวดร้อนแม้สัมผัสเพียงลมพัด หรือบางภูมิไปเกิดเป็นตัวประหลาดที่มีแต่จมูก เกิดอยู่บนโลกแห่งควันไฟ เกิดมาเพียงหนึ่งวินาทีก็ต้องสูดหายใจเข้า และสำลักควันไฟนั้นตายไป และเกิดใหม่

หรือการที่ได้เกิดมาอยู่ในสภาพนี้อาจเป็นบางภูมิของนรก สำหรับคนที่เคยอ่านหนังสือเรื่อง “เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน” คงคิดไปในทางเดียวกันว่า นี่คงเป็นผลกรรมจากการทำ “ปาณาติปาต” เมื่อชาติปางก่อน



น้องอุ้ม เด็กพิการซ้ำซ้อน อายุสิบสองปี หน้าตาดีถึงขั้นเป็นดาราได้ หากไม่พิการ วันนี้น้องอุ้มทำได้เพียงแค่ตอบโต้กับคำถามง่ายๆ พูดได้คำสั้นๆ ลุกเดินขับถ่ายเองไม่ได้ จำเป็นต้องอาศัยพี่เลี้ยง และดำรงชีวิตอยู่บนเตียงเป็นส่วนใหญ่

ผมถามเจ้าหน้าที่ถึงสาเหตุของเด็กพิการ ได้ความว่า บางคนมาจากพ่อแม่ที่ไม่ตั้งใจตั้งครรภ์ และกินยาขับแต่ไม่ออก ส่งผลให้เด็กเกิดมาในสภาพพิการซ้ำซ้อน

มันเป็นสิ่งที่ย้ำในใจผมว่า หากไม่รักใคร หากไม่พร้อม อย่าเพิ่งมีเขา

ในมุมมองผม ที่นี่ ไม่ได้เป็นเพียงแค่บ้านสงเคราะห์เด็กพิการ แต่เป็นสถานที่สาธิตกฎแห่งกรรม เป็นสถานที่ที่เตือนใจให้ระวังตนเอง ระวังที่จะรักผู้อื่น ซึ่งจากการเยี่ยมชมที่นี่ คนที่ได้ประโยชน์อาจไม่ใช่เด็กหรือเจ้าหน้าที่ที่นี่ แต่คนที่ได้กลับเป็นพวกเราเอง


อย่างน้อยก็ผมคนหนึ่ง