“ไม่จริง พ่อไม่ได้ขี้โกง”
ใครอยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกับผม
สมัยเด็ก ๆ จำได้ไหมครับที่มีโฆษณาตัวหนึ่ง
เนื้อหาเกี่ยวกับรณรงค์ลดการฉ้อราษฏ์บังหลวง
ที่มีเด็กน้อยคนหนึ่งไปโรงเรียน แล้วถูกเพื่อนตะโกนด่าว่า
“พ่อแกมันขี้โกง”
เด็กคนอื่น ๆ ก็ช่วยกันผสมโรงตั้งวงล้อม
“ขี้โกง ขี้โกง ๆๆๆ”
จนเด็กเป้าหมายลงไปกองกับพื้น
ร้องไห้โฮ ตะโกนว่า
“ไม่จริง พ่อไม่ได้ขี้โกง”
ตัดฉากกลับมาเป็นตัวพ่อ นั่งกลุ้มกับปัญหาโกงบนหน้าหนังสือพิมพ์อยู่
สงสารเด็กคนนั้นนะครับ
ไม่ได้โกงแท้ ๆ ดันโดนสังคมประนามจนเจ็บปวด
หากพ่อของเด็กรู้ว่าผลกระทบของการทำกรรม
มันไม่ได้กลับมาแค่ตัวเองต้องติดคุกติดตาราง
แต่กลับทำให้ลูกเมีย ไม่มีที่จะยืนบนสังคม
เงยหน้าก็อายฟ้า ก้มหน้าก็อายดิน
ว่า “พ่อเราขี้โกง”
แม่ค้าซอยละลายทรัพย์ตะโกนด่าคนใหญ่คนโตกันซึ่งหน้า
“ขายชาติ ออกไป”
เพราะได้คาถา “กูไม่กลัวมึง”
ไม่รู้ว่าร้านจะโดนปิด สรรพากรตรวจภาษี ผัวโดนกระทืบ
หรือโดนแจ้งความ
“ดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ (กินราดหน้า)” หรือไม่นะครับ
ต้องดูกัน เพราะเครื่องมือตอบโต้กลับ มีให้เลือกเต็มไปหมด
ลูกเมียเดินห้าง ก็โดนตะโกนด่า
“ไอ้หน้าด้าน”
จนวิ่งเข้าห้องน้ำไม่ทัน ไม่วายโดนตามไปด่าอีก
ผมมองเหตุการณ์เหล่านี้ เป็นการกระเพื่อมของ"ระบบจารีต" อันหนึ่ง
จิตนาการดูนะครับ
หากคนชั่ว โกงแผ่นดิน ตื่นเช้ามา ข้างบ้านตะโกนด่า ก่อนนอนตะโกนด่า
เดินผ่านใคร โดนถ่มน้ำลายใส่
แม่ค้าปากซอยไม่ขายก๋วยเตี๋ยวให้
ไม่มีใครยกมือไหว้นับถือ แม้แต่พนักงานต้อนรับม่านรูด
เด็กสองขวบเห็นหน้าในทีวีแล้วตะโกน “ออกไป๊”
เห็นนามสกุล ก็ยี้ แขยงกว่าก้อนอึ
เอาชื่อไปตั้งเป็นชื่อหมา หรือจิ้งจก
(อันนี้เกิดแล้วจริง ๆ บ้านเพื่อนผมที่มหาชัย ตั้งชื่อหมูป่าเลี้ยงว่า ชวลิต
เนื่องจากการลดค่าเงินบาททำให้สูญเงินไปหลายล้าน)
นี่แหล่ะครับ พลังจารีต
ซื่งเป็นกฏหมายแต่โบราณมา
มุ่งให้สังคมสงบสุข
มาตราฐานสูง และดิ้นได้ยากกว่า “กฏหมายลายลักษณ์อักษร”
การลงโทษที่สันติ แต่รุนแรงที่สุดของจารีตคือ
“การขับออกจากสังคม” หรือ “การเพิกเฉย ไม่สังฆกรรมด้วย”
หากมาตราฐานนี้ถูกยก
แผ่นดินไทยจะไม่มีที่ให้คนชั่วอยู่ครับ
เว้นแต่หมาบ้านผม ได้ชื่อใหม่แล้วว่า "ทักษิณ" และ "ออกไป"