Monday, March 27, 2006

พ่อแกมันขี้โกง

“พ่อแกมันขี้โกง ขี้โกง ขี้โกง ๆๆ”
“ไม่จริง พ่อไม่ได้ขี้โกง”

ใครอยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกับผม
สมัยเด็ก ๆ จำได้ไหมครับที่มีโฆษณาตัวหนึ่ง
เนื้อหาเกี่ยวกับรณรงค์ลดการฉ้อราษฏ์บังหลวง

ที่มีเด็กน้อยคนหนึ่งไปโรงเรียน แล้วถูกเพื่อนตะโกนด่าว่า
“พ่อแกมันขี้โกง”
เด็กคนอื่น ๆ ก็ช่วยกันผสมโรงตั้งวงล้อม
“ขี้โกง ขี้โกง ๆๆๆ”
จนเด็กเป้าหมายลงไปกองกับพื้น
ร้องไห้โฮ ตะโกนว่า
“ไม่จริง พ่อไม่ได้ขี้โกง”
ตัดฉากกลับมาเป็นตัวพ่อ นั่งกลุ้มกับปัญหาโกงบนหน้าหนังสือพิมพ์อยู่

สงสารเด็กคนนั้นนะครับ
ไม่ได้โกงแท้ ๆ ดันโดนสังคมประนามจนเจ็บปวด

หากพ่อของเด็กรู้ว่าผลกระทบของการทำกรรม
มันไม่ได้กลับมาแค่ตัวเองต้องติดคุกติดตาราง
แต่กลับทำให้ลูกเมีย ไม่มีที่จะยืนบนสังคม
เงยหน้าก็อายฟ้า ก้มหน้าก็อายดิน
ว่า “พ่อเราขี้โกง”

แม่ค้าซอยละลายทรัพย์ตะโกนด่าคนใหญ่คนโตกันซึ่งหน้า
“ขายชาติ ออกไป”
เพราะได้คาถา “กูไม่กลัวมึง”
ไม่รู้ว่าร้านจะโดนปิด สรรพากรตรวจภาษี ผัวโดนกระทืบ
หรือโดนแจ้งความ
“ดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ (กินราดหน้า)” หรือไม่นะครับ
ต้องดูกัน เพราะเครื่องมือตอบโต้กลับ มีให้เลือกเต็มไปหมด

ลูกเมียเดินห้าง ก็โดนตะโกนด่า
“ไอ้หน้าด้าน”
จนวิ่งเข้าห้องน้ำไม่ทัน ไม่วายโดนตามไปด่าอีก

ผมมองเหตุการณ์เหล่านี้ เป็นการกระเพื่อมของ"ระบบจารีต" อันหนึ่ง
จิตนาการดูนะครับ
หากคนชั่ว โกงแผ่นดิน ตื่นเช้ามา ข้างบ้านตะโกนด่า ก่อนนอนตะโกนด่า
เดินผ่านใคร โดนถ่มน้ำลายใส่
แม่ค้าปากซอยไม่ขายก๋วยเตี๋ยวให้
ไม่มีใครยกมือไหว้นับถือ แม้แต่พนักงานต้อนรับม่านรูด
เด็กสองขวบเห็นหน้าในทีวีแล้วตะโกน “ออกไป๊”
เห็นนามสกุล ก็ยี้ แขยงกว่าก้อนอึ
เอาชื่อไปตั้งเป็นชื่อหมา หรือจิ้งจก
(อันนี้เกิดแล้วจริง ๆ บ้านเพื่อนผมที่มหาชัย ตั้งชื่อหมูป่าเลี้ยงว่า ชวลิต
เนื่องจากการลดค่าเงินบาททำให้สูญเงินไปหลายล้าน)

นี่แหล่ะครับ พลังจารีต
ซื่งเป็นกฏหมายแต่โบราณมา
มุ่งให้สังคมสงบสุข
มาตราฐานสูง และดิ้นได้ยากกว่า “กฏหมายลายลักษณ์อักษร”

การลงโทษที่สันติ แต่รุนแรงที่สุดของจารีตคือ
“การขับออกจากสังคม” หรือ “การเพิกเฉย ไม่สังฆกรรมด้วย”

หากมาตราฐานนี้ถูกยก
แผ่นดินไทยจะไม่มีที่ให้คนชั่วอยู่ครับ

เว้นแต่หมาบ้านผม ได้ชื่อใหม่แล้วว่า "ทักษิณ" และ "ออกไป"

Friday, March 24, 2006

อ่านระหว่างบรรทัด

“ให้โอกาสผม ผมจะนำประเทศไทยสู่สากล”
ทักษิณบอกไว้ เมื่อห้าปีก่อน
นี่เพิ่งไม่กี่ปีเอง คำสัญญาที่ว่า
“นักการเมืองรวยแล้วไม่โกง” “ภายในหกปีนี้ คนจนจะหมดไป”
จะเห็นผล แล้วไอ้ที่สนธิออกมาพูด ปาว ปาว
ตอแหลทั้งนั้น
ผลประโยชน์ทับซ้อนทั้งนั้นแหล่ะ
ประชาชนที่ไปหลงเชื่อ จะเดือดร้อน
ถูกนายสนธิ หลอกลวง เล่นนอกเกม
ตื่นได้แล้วประชาชนทั้งหลาย
อย่าไปเชื่อไอ้สื่อจอมปลอมที่
มาร่วมกันขับไล่ นายก และ
อีกไม่นาน ท่านทักษิณ ก็จะจัดการไอ้พวก
กังฉิน และบริวารขันทีรอบข้าง
จงเชื่อในผู้นำของเรา ที่เน้นการส่งออกสินค้า
ออกนอกประเทศ
เศรษฐกิจจะก้าวหน้า พวกก่อการร้ายก็จะฆ่าให้สิ้น
ให้พวกมันไม่มีแผ่นดินจะอยู่
ทักษิณเป็นนายกที่ดีที่สุดแล้ว
ลูกหลานเราจะสรรเสริญ


เขียนไว้เล่น ๆ ตั้งนานแล้ว

Monday, March 20, 2006

Saturday, March 11, 2006

เล่น Crossword กัน

(โปรดใช้วิจารณญาณ และจริยธรรมในการเล่น)



แนวตั้ง
1.บุคคลผู้จ้องทำร้าย ลบหลู่ ศาสดา อาจารย์ และผู้มีพระคุณ, จนวันสุดท้ายของชีวิต ธรณีสูบไปจะหมดตัวจึงจะค่อยสำนึกผิด
3.ผู้นำประเทศ ซึ่งมาตามครรลองการเลือกตั้ง ต่อมาเผด็จการ แบ่งแยก และเข่นฆ่ามนุษยชาติ พาประเทศเข้าสู่หายนะอย่างใหญ่หลวง
4.กลุ่มชนชาตินายทุน คอยจ้องทำลายสยามประเทศแต่โบราณมา จวบจนปัจจุบัน
5.วีรบุรุษในใจชาวสยามจำนวนมาก จอมกะล่อน หลอกลวงประชาชน เอาตัวรอดไปวัน ๆ จนชาวสยามมีตำนานเล่าขาน
6.ผู้นำประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประชานิยมท่วมท้น อำนาจอุดหู ปิดตา ฉ้อราษฎร์ บังหลวง ผลประโยชน์ทับซ้อน จนประชาชนขับไล่ ทั้งผัวเมีย จนไม่มีแผ่นดินจะอยู่

แนวนอน
2.เอาความสามารถของบุคคล แนวตั้ง 1,3,4,5 และ 6 มารวมกัน

เฉลย Crossword

เฉลย
(โปรดใช้วิจารณญาณ และจริยธรรมในการรับชม)

Friday, March 10, 2006

จริยธรรมอยู่ไหน?

ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า จ ริ ย ธ ร ร ม ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู ก ติ ก า ก ติ กู

Wednesday, March 08, 2006

เมื่อไหร่จะลง?



ทางข้างหน้ามันขาด
ไม่ลงซะที

ขันที กับโมหะ ปิดตา
โลภะ ปิดหู
โทสะ เหยียบคันเร่ง


ระวังจะไม่ได้ลงดี ๆ นะ

Tuesday, March 07, 2006

เรียนไปทำไม?

เด็ก ๆ ผมเป็นเด็กขี้เกียจ
สมุดจดก็จดไม่ทัน
สมุดการบ้านก็ไม่ทำ
ต้องเว้นกันเป็นหน้า ๆ แทบทุกวิชา

ส่งการบ้านไม่ทัน ก็ไม่ส่ง
จนเคยต้องปลอมลายเซนต์อาจารย์ตอน ป.สาม

เด็ก ๆ โดนตีหน้าห้องจนก้นช้ำ แทบทุกอาทิตย์
โดนเชิญผู้ปกครองนับครั้งไม่ถ้วน

เกรดเฉลี่ย ไม่เคยเกินสองจุดห้า
จุดตกต่ำสุดน่าจะเป็นช่วงมัธยมปลาย
สอบกลางภาค ลุ้นหนักมาก
ว่าจะเกือบตก หรือเกือบผ่าน
แน่นอน มีเกรดในสมุดพก เกือบเป็นโค้ดดิจิตอล
...0.1.1.1.0.1.1...

อาศัยการอัดหนัก ทำโจทย์สิบปีรวดทุกวิชา
และฟัง "ช๊อกเรดิโอ" ที่มันเล่าเรื่องผี จนนอนไม่หลับ
เลยต้องลุกขึ้นมาอ่านหนังสืออยู่เดือนหนึ่ง
โชคดีที่เข้ามหาวิทยาลัยได้

ชีวิตเหมือนจะกลับมาเป็นผู้เป็นคนอีกครั้ง

แต่การเรียนไม่ดีเหมือนเดิม
2.09/2.13/2.23/2.45/2.37

จนปีสามเทอมสอง
ผมค้นพบว่า
“การเรียนเพราะอยากรู้”
มีความสุข สนุก และได้เกรดดีกว่า
“เรียนเพราะอยากได้เกรด”

ผมสนุกกับการเรียนหลาย ๆ วิชา
ผมเริ่มได้เกรด มากกว่า สองจุดห้า ครั้งแรกในชีวิต
และมากกว่า สาม ในเทอมถัด ๆ มา

สามปีก่อน
ผมมาเรียนต่อเมืองนอก
ผมเรียนไม่มีความสุขอีกครั้ง
เพราะมัวแต่คิดว่า
ความรู้ที่เรียนไปก็คงเอาไปใช้กับเมืองไทยไม่ได้แน่ ๆ

จนพี่ที่เคารพคนหนึ่ง แนะนำว่า
“ให้เรียนเอาแนวคิด ว่าฝรั่งมันคิดกันยังไง”

ผมกลับไปเรียนสนุก และได้เกรดดีกว่าเดิมอีก

ทุกวันนี้ มีเสียดายนิดหน่อยก็แค่อยากกลับไปเรียน
และเก็บเกี่ยวความรู้ช่วงที่หลับในห้องอีกครั้ง
โดยเฉพาะวิชา History of Art

ผมมักรู้ตัวเมื่อสาย แต่ไม่คิดเสียใจ
กลับมีความสุขเสียอีก เมื่อนึกถึงวันที่เหลวไหล

รู้จักกันไหมครับ?
ความรู้สึกของการเป็น "เด็กเรียนไม่เก่ง"

Saturday, March 04, 2006

375.357

เมื่อรัฐบาลเสียงข้างมาก 375 แก้ปัญหาถึงทางตัน

นี่สงสัยเราต้องผ่าทางตันด้วย .357 แล้วกระมัง

Wednesday, March 01, 2006

ผมอยากเป็น 'เภท ที่สาม

ผมชอบบทความของคุณนิธิ เอี่ยวศรีวงค์ เรื่อง “วัฒนธรรมคนอย่างทักษิณ”
(มติชนสุดสัปดาห์ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 ปีที่ 26 ฉบับที่ 1332)

สรุปเป็นใจความว่า
- การไล่ทักษิณนี้ เป็นแค่ “สัญลักษณ์”
- สิ่งที่เราต้องไล่จริงๆ ไม่ใช่ “คุณทักษิณ” แต่เป็น “คนแบบทักษิณ”

“คนแบบทักษิณ” ผมชอบคำนี้จัง
เป็นการสรุปความคิดผมที่อึดอัดช่วงนี้ได้โดนใจมาก

เคยได้ยินไหมครับ คำแนะนำสำหรับการเลือกคู่ครอง
“ไม่ใช่อยู่ที่ชอบในจุดดีอะไรในเขา แต่อยู่ที่การยอมรับในจุดเสียที่สุดของเขาได้”

จริงอยู่ การมีวิสัยทัศน์ มีความเป็นผู้นำแบบสากล มีนโยบายสร้างสรรค์มากมาย นั่นหวือหวา น่าสนใจ
อันเปรียบเหมือนผู้หญิงหน้าตาดี ๆ ฉลาด เสียงออดอ้อนน่ารัก เย้ายวน
แต่การไร้จริยธรรม กะล่อน พูดเอาตัวรอดไปวัน ๆ ปากกล้า ใจร้อนหยาบคาย ผลประโยชน์ทับซ้อน
คือ ผู้หญิงเย้ายวนคนนั้น มีผัวลูกสองแล้ว ตอแหลเก่ง และคบผู้ชายทีละสิบ ๆ คน

"ผมรับไม่ได้ครับ"
ทำไมหน่ะหรือ เพราะจุดหมายการคบผู้หญิงซักคนตอนนี้ของผมคือ
“เธอต้องเป็นแม่ที่ดีของลูก”
ฉนั้น ข้อเสียทั้งหมดของผู้หญิงยั่วยวนที่ว่ามา
จึงผิด 'เกณฑ์' ของผมแน่นอน

ฉันใดฉันนั้น ประเทศก็เช่นกัน


กลับมาที่ “คนแบบทักษิณ”
ผมกลับเมืองไทยคราวก่อน
ผมอึดอัดกับการกระทำหลายประการของคนไทยเรา
ส่วนมากอยู่ในเรื่องรายละเอียด เช่น การโดนแซงคิวหน้าด้านๆ การทิ้งขยะ การขับรถแบบหม้า ๆ ฯลฯ
อาจเป็นได้ เพราะไม่ได้เจอมานาน
(ส่วนการเมือง ตลก ๆ นั้นเหมือนกัน)

เคยอ่านจดหมายเหตุของนายตรุแปง ชาวฝรั่งเศส ที่บันทึกประเทศสยามสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา
มีเนื้อความโดนใจสรุปว่า

ข้อดีคนไทยคือ - อัธยาศัยดี ยิ้มง่าย มีน้ำใจ
ข้อเสียคนไทยคือ - รักสบาย ไม่ขยัน ไม่มีวินัย ขี้ขลาด ขี้กลัว นับถือผีฟ้า ผีบ้าน ไสยศาสตร์ แม้ทหารก็ไม่กล้าฆ่าคน
ในเรื่องความยุติธรรม - แทบไม่มีความยุติธรรมในประเทศนี้ คนที่มีฝีปากดี จะสามารถใช้ประโยชน์จากระบบกฎหมาย และเอาเปรียบได้อย่างน่าเกลียด
ฯลฯ

อ่านจบแล้ว คิดเลย
“ผ่านมาสองร้อยกว่าปี เราก็ยังเป็นแบบนี้อยู่เหรอ”
ผมก็ไม่รู้นะว่า ฝรั่งตรุแปง นี่มันมีตัวตนจริง ๆ หรือปล่าว
แต่คนแต่งจดหมายเหตุนี้ นี่เข้าใจประเทศเราจริง ๆ

การแย่งขึ้นรถไฟฟ้า ทิ้งขยะ แซงคิว ขับรถแทรกแถว

นี่มันสันดานประเทศไทย
ข้อดีในข้อเสียก็มี เรื่องเอื้ออาทร การอุ้มชูกัน (แม้ว่ามันจะน้อยลงทุกวัน ๆ ก็ตาม)

".. สิ่งสำคัญในการปกครองก็คือบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด
....การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย จึงไม่ใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี
....หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้..."


ผมว่า สี่ห้าบรรทัดในพระบรมราโชวาทนี้ เกือบจะเป็นผังการพัฒนาประเทศได้ดีมาก ๆ เลย

ประเด็นที่อยากให้คิดคือ ระบบควบคุมคนไม่ดี
ระบบต้องเริ่มจากเล็ก ๆ เช่น
คนทิ้งขยะต้องโดนปรับ
คนแซงคิวต้องโดนประนาม
รถแทรกตีนสะพานต้องโดนใบสั่ง
และตำรวจต้องไม่เรียกเงิน สองมาตรฐาน ไม่เกรงกลัวต่ออำนาจใด ๆ

สังเกตว่า ทำไมคนไทยมาอยู่ต่างประเทศ ระเบียบวินัยตรงเปะ
ไม่แทรงคิว ไม่ทิ้งขยะ ขับรถไม่ใจหม้า

ผมคิดส่วนตัวว่า
จะพัฒนาสันดานคนไทย “ระบบ” มันต้องดี
กฏหมายต้องเข้มแข็ง (ไม่ใช่รุนแรง)
จริยธรรมต้องไม่ย่อหย่อน
เลิกได้แล้ว แนวคิดชื่นชมคนเก่งแบบศรีธนนชัย
และสุดท้าย ที่สำคัญที่สุด
"ทุกคนต้องทำตามหน้าที่"

ไล่ไอ้พวกกลุ่มคน ที่มันถ่างมาตรฐานจริยธรรม ให้ไปไกล ๆ เป็นสัญลักษณ์ และตัวอย่างเลว ๆ ก่อนนี่แหล่ะ

สรุปรวบยอดคือ
เราต้องไม่เอา “ทักษิณ” และ “คนแบบทักษิณ”

มีคนกล่าว(เชิงดูถูกคนไทยกันเอง)ว่า
ประเทศไทยมีคนสองประเภท
ประเภทที่หนึ่ง คือ “คนโกง”
ประเภทที่สอง คือ “คนที่ยังไม่มีโอกาสจะโกง”

เศร้านะ เพราะมันเป็นความจริงในส่วนใหญ่
แต่ผมเชื่อว่า
มันต้องมีอีกประเภทหนึ่งสิ คือประเภทที่สาม
ประเภทที่สาม คือ "คนไม่โกง ในทุกๆ โอกาส"

ผมอยากเป็น 'เภท ที่สามครับ


จริงไหมหล่ะ ตัวเอง

...........................

ขอบคุณ ไอ้นอร์ท สำหรับบทความคุณนิธิ